วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สัปดาห์ของการประชาสัมพันธ์ ประชามติ

ประชามติคืออะไร
           การออกเสียงประชามติ หมายถึง กระบวนการในการแสดงความเห็นของประชาชนด้วยการลงคะแนนออกเสียงเพื่อตัดสินใจว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติหรือกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ก่อนที่จะนำมติหรือการตัดสินใจนั้นออกเป็นกฎหมายหรือนำไปปฏิบัติเพื่อบังคับใช้เป็นการทั่วไป
          “การออกเสียงประชามติ” ต่างจาก “ประชาพิจารณ์” ตรงที่การออกเสียงประชามติจะต้องมีการลงคะแนนออกเสียงเพื่อหามติของประชาชนในเรื่องสำคัญนั้น ๆ ส่วนประชาพิจารณ์เป็นเพียงการรับฟังความเห็นของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบในเรื่องนั้น ๆ ก่อนที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีคำสั่งหรือดำเนินการใด ๆ

คุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ?

คุณสมบัติ
  1. มีสัญชาติไทย แต่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับถึงวันออกเสียง)
  2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันออกเสียง และ
  3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตออกเสียงมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันออกเสียง
และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
  1. เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือ นักบวช
  2. อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
  3. ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
  4. วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

อ้างอิงข้อมูล โดย http://www2.ect.go.th/


วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Echo English

     เมื่อวันอังคารที่ มีนาคม 2559 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมมอบแอพพลิเคชั่นภาษาอังกฤษ "Echo English" ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลมอบให้ประชาชน


พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการยกระดับภาษาอังกฤษของประชาชน จึงเกิดความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและประชารัฐ ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น Echo English ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คนไทยทุกคนสามารถเรียนภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาได้ฟรี ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านทางมือถือและแท็บเล็ต
ผู้เรียน Echo English ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน เพราะบทเรียนได้รับการออกแบบให้เป็นไปตามหลักการเรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติ มีทั้งหมด 200 บทเรียน ให้คนไทยได้ฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน โดยจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่คนไทยจำเป็นต้องใช้ในชีวิตจริง อาทิ บทสนทนาทั่วไป ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจการค้าและการบริการ ภาษาอังกฤษสำหรับวิชาชีพต่างๆ เป็นต้น
หัวใจสำคัญของการประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ ประกอบไปด้วย ปัจจัย คือ 1) เรียนรู้จากต้นแบบภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง 2) มีระบบ Feedback ที่ช่วยแก้ไขให้ถูกต้องในทันที ซึ่งทั้งสองปัจจัย รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมให้กับประชาชนเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงประการสุดท้ายคือ 3) หมั่นฝึกฝน ขวนขวายเรียนรู้สม่ำเสมอ อันเป็นหน้าที่สำคัญของประชาชนทุกคนที่จะต้องช่วยกันพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ

อ้างอิง : http://www.moe.go.th/websm/2016/mar/108.html

                                    ขั้นตอนการโหลด Echo English
                                        สำหรับระบบ Android
                                      1. เข้าไปที่แอพ play store
                              
                                2.พิมพ์คำว่า echo englis ในช่องค้นหา

3.กดคำว่า ติดตั้ง 

4.เลือกยอมรับเพื่อให้โปรแกรมดาวน์โหลด 

5.เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้นสามารถลอคอินได้ด้วย Email หรือ เฟซบุค


สำหรับระบบ IOS
1.เข้าไปที่ Appstore

2.พิมพ์คำว่า Echo English ที่ช่องค้นหา (1)
และเลือกติดตั้ง (2)


3.เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ 

4.ลอคอินด้วย email หรือ เฟสบุค 

                                      




วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559

กิจกรรมบรรณสัญจร





กศน. พร้อม ภาคีเครือข่ายเปิดตัว "โครงการบรรณสัญจร Book Voyage ประจำปี 2559
สำนักงาน กศน. จะมีพิธีแถลงข่าวเปิดตัวโครงการบรรณสัญจร Book Voyage 2559 อย่างเป็นทางการ ภายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 44 วันที่ 2 เมษายน 2559 เวลา 12.00-13.00 น. ณ เวทีใหญ่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 
        ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมรักการอ่าน นอกจากจะช่วยเพิ่มพูนและพัฒนาความคิด และสติปัญญาแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ นำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า "การรู้หนังสือเป็นความจำเป็นสำหรับทุกชาติที่กำลังพัฒนาตลอดจนเป็นกิจกรรมที่ต้องร่วมมือกัน ส่งเสริมให้บรรลุผลให้ได้ ถ้าปราศจากพื้นฐานการรู้หนังสือของประชาชนในประเทศแล้ว ความพยายามในการดำเนินการพัฒนาคงไร้ผล การรู้หนังสือเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมายอันสูงสุด"

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลักเศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา[1][2] และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ [3]
นักวิชาการไทยหลายคนร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสีศ.เสน่ห์ จามริกศ.อภิชัย พันธเสน, และศ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา เชื่อมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับวัฒนธรรมชุมชน ด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาอื่น ๆ มาร่วมกันประมวลเพื่อบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9[3][4]
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ[5] และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน[6]โดยมีนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกัน บางสื่อตั้งคำถามถึงการยกย่องขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งความน่าเชื่อถือของรายงานศึกษาและท่าทีขององค์การ


วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ส่งเสริมการอ่าน



สื่อวารสารสำหรับส่งเสริมการอ่านและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในชุมชน